Saturday 20 January 2007

เมื่อเพื่อนผมขายตรง


นั่นแน่ งงหละดิ ขายตรงขายตัวไร หมายถึงขายสินค้า ผลิตภัณฑ์หนะ  หลายคนต้องเคยประสบพบเจอมั่งหละ พวกที่มีขายอาหารเสริม เครื่องสำอางต่าง ๆ รวมไปถึงสินค้าอื่น ๆ อาทิ เช่น ผงซักฟอก เครื่องกรองน้ำ  กล่องทัพเพอแวร์ ถุงน้ำร้อน ฯลฯ เอาเป็นว่าขายสารพัดเลย มีหลายยี่ห้อดัง ๆเลย   จริง ๆ ก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไร เพราะในสายตาผมคนที่ทำอาชีพเหล่านี้คือคนทำมาหากินอีกอาชีพนึง บางคนก็ทำเป็นงานหลัก บางคนก็ทำเป็นงานเสริม หารายได้เพิ่ม ขยันดีออกนะ 

แต่วิธีการนี่สิ บางคน ย้ำบางคนจะตื๊อแบบน่ากลัวจิต ๆ หรือน่ารำคาญ ไม่รู้จะทำไง ไล่(แบบสุภาพ) ก็ไม่ไป ตัดบทได้ไปครั้งนึงก็ยังมีการติดต่อมาสม่ำเสมอ ไม่เหน็ดไม่เหนื่อย ไม่รำคาญเรา พูดจาดีเสมอ (ทึ่ง ๆๆ จริง ๆ)  ขั้นตอนการขายที่ผมรู้มาจากที่เจอนะ ก็น่าจะคล้าย ๆ กันหละ คือ อย่างแรกชวนซื้อของ พูดจนเราซื้อก็ได้ (ใจอ่อนเสมอ ฮ่า ๆ) เพราะก็ไม่แพงอะไร (ซื้อให้จบ ๆ อย่ามายุ่งกะตูอีกนะ) แล้วซื้อราคาสมาชิกด้วยนะ ถูกซะด้วย 

บอกว่าพี่ใช้ชื่อพี่ซื้อให้น้องจะได้รับส่วนลด พอเวลาผ่านไปก็มีการติดต่อมาเรื่อย ๆ โทรมาถามที มาหาโดยตรงเองเลยว่า เป็นไงของดีมั้ย มีนู้นนี้สินค้าใหม่ ๆ พอหลงไปนาน ๆ เข้า ก็ชวนสมัครเป็นสมาชิก เพราะราคาสมาชิกจะได้ส่วนลดไง แต่ข้อแม้คือ ต้องซื้อสินค้าในราคาขั้นต่ำต่อเดือนเท่านี้ ซึ่งไม่ถือว่าไม่มากมายอะไร ถ้าเราใช้สินค้านั้นอยู่แล้ว แล้วคุณภาพก็ดี แต่บางทีถ้าเราอยากเปลี่ยนยี่ห้อมั่งหละ เราก็ต้องพยายามซื้อ ๆไรมาให้ยอดมันถึงไง (ลืมไปแล้วด้วยว่า ถ้าทำยอดไปเนี่ยจะได้ประโยชน์อะไร สะเพร่าเนาะ) เริ่มไม่เต็มใจนิดหน่อย ไม่ซื้อก็ถามว่าทำไม ของไม่ดีเหรอ โทรมาเจ๊าะแจ๊ะถ่อมาหาถึงบ้าน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  นาน ๆ มาที แต่มาหลายครั้งมันก็เริ่มรำคาญไง แต่ก็เข้าใจนะว่าอาชีพแบบนี้จะให้ทำยังไง คนขายเก่ง ๆ ขยัน ๆ ก็รวยไป ก็แล้วแต่เทคนิคแต่ละคน บางครั้งก็มาชวนให้ผมขาย ให้แนะนำต่ออีกตะหาก

 เรื่องมันเกิดตรงที่ว่าเพื่อนในกลุ่มผมที่ก็คุยกันมา ไปเที่ยวด้วยกัน ถึงไม่สนิทมาก แต่ก็ไม่น้อย มาเข้าสู่วงจรพวกนี้หนะสิ ก็ตามขั้นตอนเลยหละ มีคนมาชวนไปประชุม เข้ากลุ่มให้ลองไปฟังดู เพื่อนผมก็ไปไง เค้าก็ยังมาเล่าเลยว่าเนี่ยน่ากลัว พวกนี้จะเอาคนที่ขายได้ยอดสูง ๆ ประสบความสำเร็จมาพูด ๆ จูงใจ ใครโน้มน้าวง่ายหรือจิตอ่อนคงหลงไปบ้าง (เอ่อ นี่พูดออกแนวอคติ นิดหน่อยนะ อย่าว่ากันหละ) เพื่อนผมเค้าไม่ชอบจะหนีออกมา ก็ดูจะยากลำบาก กดดันทั้งด้านอารมณ์และคนรอบข้างราวกับว่าถ้ามึงหนีออกไปมีเรื่องแน่ ฮ่าๆ โอเค เรื่องนี้ก็ผ่านไป แต่ไหงไป ๆ มา หลังจากเวลาผ่านไปนาน ๆ ผมกับเพื่อนก็ห่าง ๆ กัน วันนึงเพื่อนคนนี้หละ โทรมาชวนไปประชุม ไปลองฟัง  

โทรมาหลายครั้ง จนผวาไปเลย อย่างไม่น่าเชื่อ บางครั้งก็ขายของว่าสนใจตัวนี้มั้ยไรงี้ พูดคุยนิดหน่อย แล้วเข้าประเด็นขายของเลย (ขายไม่เนียน ๆ เลย)  มากระทบกระเทียบตูอีกว่า ตกงาน หางานอยู่ ว่าง ๆ น่าจะลองไปฟังประชุมซะหน่อยนะ  คือถ้าเพื่อนกันเอง แล้วมาขายของเนี่ย ผมก็ไม่ได้อคตินะ แต่ว่าการพูดจา ไม่มีความกันเอง พูดแบบคนอื่น ๆ ที่มาขายของเราที่ต้องมีการเสแสร้งนิดหน่อยไรงี้ เออ ถ้ามาขายตรง ๆ ก็จะช่วยฟัง อาจสนใจได้ 

เหมือนเป็นคนละคนไปเลย อาจเป็นเพราะยังขายไม่เก่งมั้ง เลยไม่เนียนให้ผู้ซื้อตายใจ สรุปนิสัยเปลี่ยนไปเลย ไม่กล้าพูดคุยด้วยอีกเลย หนีเลย เลยถาม ๆ เพื่อนในกลุ่มคนอื่นว่าโดนแบบผมมั่งมั้ย สรุป โดนกันทุกคนถ้วนหน้า เลยหลีกห่างกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนของเพื่อนอีกที โห อะไรจะมีแรงบันดาลใจให้เพื่อนที่เคยพูดคุยกัน กลายเป็นคนอื่นได้ขนาดนี้นะ

มาคิดดูเอ ถ้าเราอยากทำมาหากิน ถ้าเราลองทำดูเป็นอาชีพ เสริม เราจะต้องทำแบบนี้มั้ย ก็คิดว่าคงไม่ แต่ไม่รู้จะขายใครออกมั้ย แต่ไม่รู้สิ อยากให้เพื่อนและคนขายอื่น ๆ บางคน ขายของได้เนียน ๆ สบายใจ น่าฟัง ไม่ใช่เหมือนถูกรุกราน จนไม่อยากเจอ  แต่ก็ตามหลักการ (ที่โมเมเอง) คิดว่า ถ้าเราทำแบบนี้กับคนยิ่งมากขึ้น หลายคน ก็ต้องมีหลงมาสักคนที่สนใจ เป้าหมายเค้าอาจเน้นปริมาณ เพื่อให้ได้มาซึ่งไม่กี่คน เพื่อต่อยอดออกไปเป็นลูกโซ่ก็เป็นได้

 ก็จริง ๆ อยากขายไร อยากทำไรก็ทำ แต่ถ้าเป็นเพื่อนตู มาขายของตูได้ แต่อย่ามากระแดะทำพูดจาเหมือนตูเป็นคนอื่น ๆ พูดจาไม่กันเอง วุ้ย อธิบายไม่ถูก เอาเป็นว่าเพื่อนตูอย่ามาขายของตูน่าจะดีที่สุดละกัน อิอิ

No comments:

Post a Comment

Comments are welcome, in English or Thai (I can't read anything else). Anonymous posting is discouraged, unless you'd like to give yourself a name at the bottom of your post, so we can tell who you are.