ผมกำลังหางานใหม่อยู่ครับ ช่วงนี้ก็ตระเวนสัมภาษณ์ไปเรื่อย จะไม่เล่าถึงความช้ำใจที่ต้องตกงานหรอกนะ เพราะไม่ช้ำเลยโว้ย (ปลอบใจตัวเอง) ขอแนะนำเวปหน่อยละกัน ได้ไปสัมภาษณ์หลายที่ก็เพราะอันนี้ หลายคนคงรู้จักดี www.jobsdb.co.th พอดีไม่ได้ใช้เวปของอันอื่น เลยบอกแค่นี้ อันอื่นก็คงดีแหละ ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็มีพวกเอเยนต์หางานต่าง ๆ ก็สมัคร ๆ ไป ที่เหมือนกันตอนไป
สัมภาษณ์ก็คือ เอกสารต่าง ๆ ต้องเตรียมไป ไปยื่น ๆ คงไม่ต้องบอกนะ (ใครไม่รู้ก็ไม่ต้องได้งานและ) แล้วก็แต่งตัวก็ให้ดูดีเรียบร้อยหน่อย ความหล่อก็ไม่ต้องเตรียมไรมาก (มีมากล้นทะลักจะหมดอยู่แล้ว อิอิ) ที่จะเล่าคือสภาพที่ทำงานในออฟฟิส มีหลายแบบมาก ที่ไปมา ก็มีแบบหรู ดูดีมีสกุล อินเตอร์ คนดูฉลาด (หมายถึงความรู้สึกที่ไปนั่งรอนะ )
อยู่ในตึกสูง บางที่ก็เป็นตึกแถวแบบเจ็ดแปดชั้น ของตัวเองหรือเช่าก็ไม่รู้ บางที่ก็แค่ห้องเดียว เช่าเค้าเอา บางที่ก็เป็นเหมือนทาวเฮ้าส์ บ้านคน ส่วนการที่ถ่อเสียสละเวลาอันมีค่าไปเนี่ย นอกจากไปเพื่อหวังได้งานแล้ว มันก็เป็นเลือกของเราแบบดูของจริงด้วย ไปดูว่าทำเลรอบข้าง สถานที่การทำงาน ผู้คน ระบบอะไรขั้นต้นที่มาเกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์เนี่ย ว่าเป็นยังไง ถึงเราเป็นผู้สัมภาษณ์ที่ง้อของาน (ไม่ใช่ขอทานนะ )ก็จริง แต่ก็เป็นผู้เลือกและมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะเอาเค้ารึเปล่าด้วย มาเริ่มจากองค์ประกอบที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับตัวงานนะ
จะพูดถึงแต่ในแง่ไม่ดีนะ อันแรกคือสถานที่ บางที่นะ ไปลำบาก เดินทางไกล หาของกินยาก (คิดมาถึงนี่เลย ฮ่า ๆ) บางที่เล็กไป สถานที่แคบ บางที่ดูไม่น่านั่งทำงาน สกปรก บางที่ห้องสัมภาษณ์ก็ไม่มี ก็ชั่งใจเอาเองว่าจะเอามั้ย ต่อมาระบบในบริษัท ดูคร่าว ๆ หนะ มันดวงด้วย บางที่ดูดีเน่าในก็เยอะ ก็ถ้านัดเวลาเราแล้ว คนสัมภาษณ์สาย ไม่อยู่ไม่ตรงเวลานานเกินไปกับที่นัดเราเนี่ย มันก็แสดงถึง.. นั่นหละขี้เกียจพูด บางทีใบสมัครดูไม่มาตรฐาน เอกสารไม่ดีกระจอกมันก็แสดงถึง..ขี้เกียจพูด มาถึงคนมั่ง คนสัมภาษณ์เนี่ยวัดได้เหมือนกันนะ การทำงานไหน มันก็ต้องมีหัวหน้าหรือซีเนียร์มาสัมภาษณ์ใช่มั้ย ก็พวกนี้หละที่เราต้องร่วมงาน ไม่ต้องไปนับ HR นะ ไม่ค่อยเกี่ยว
ก็ต้องดูวิสัยทัศน์ (พูดซะหรูเลย) และความคิดเค้าด้วย พูดให้เค้าแสดงความเห็นออกมา จะได้รู้ว่าลักษณะงานเป็นยังไงแนวไหน ในด้านอารมณ์นะ ตัวงานเนี่ยเค้าคงบอกอยู่แล้วหละ ให้ทำอะไร เค้าอยากได้คนแบบไหน อย่าพูดมากรู้มากเกินหละ รู้มากในใจพอ ไม่งั้นคนหมั่นไส้ได้ เอามีความรู้แบบมีกาลเทศะพอ แต่ถ้าตัวงานมันต้องมั่นใจ ก็แสดงไปเยอะ ๆ การสัมภาษณ์มักจะปิดท้ายด้วยคำถาม “มีไรจะถามมั้ย ครับ/ค่ะ” ต้องรีบถามเลย แบบสุภาพ (แต่ใจอยากรู้อยากเห็นสุด ๆ ) เรื่องงานว่าฐานเงินเท่าไหร่ บางคนพูดเรื่องงานซะสวยหรูเลย แต่ให้เงินหมื่นนึง มันไม่ไหวนะ มีไรสงสัยจงถามแต่พองาม อย่าตะกละ เช่น “คนทำงานแผนกนี้มีกี่คน” “บริษัทมีกี่คน” “รับเพิ่มขยายงาน หรือรับแทนที่คนอื่น” “เงินเดือนเท่านี้ได้มั้ย” “จะเรียกหรือรู้ผลเมื่อไหร่”
ถามที่ใจต้องการแบบสุภาพ ๆ นะ ดูสถานการณ์ บางอันถามมันน่าเกลียดสำหรับบางคนหรือบางสถานการณ์ต้องถามก็ถาม บางทีเราร้อนใจอยากรู้ผลเร็ว ๆ ก็พูดตรง ๆไป แต่ถ้ารู้ว่าเค้าคงไม่รับเราแน่ ไม่มีลุ้น หรือเราไปแล้วไม่ถูกใจ แต่ไหน ๆ ไปแล้ว จงอย่าพูดมากตอบตามสมควร ไม่ต้องไปถามไรเพิ่มเติม บางทีอยากเตะคนไหน เหม็นขี้หน้าคนไหน ก็จงเก็บอาการ และมั่นใจเข้าไว้หละดีเอง บางทีเค้าก็อยากดูอารมณ์เราไปงั้น ๆ คนสัมภาษณ์บางคนไม่ได้ฉลาดอะไร ถามแบบตามเสตป แค่นั้น ดูเฉื่อย จงคิดในแง่ดีไว้ ...เค้าโง่ ๆ ๆ ...เราต้องแสดงความมั่นใจ หลอกล่อเค้าซะ อย่าไปคิดในแง่ร้ายว่า.. เค้าไม่สนใจตู เค้าไม่สนใจตู ...เลยถามไปงั้น ๆ เพราะเราไม่อาจรู้ได้ ต้องมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน
เอ้อ ที่บอก ๆ มา แค่องค์ประกอบเล็กน้อยมาก ๆ ที่อยากให้คำนึงบ้างไปงั้น ๆ ประกอบการตัดสินใจจะเข้าทำงาน ทุกอย่างแล้วแต่เราพอใจ บางที่อาจไม่ดีพร้อม ภาพพจน์ไม่ดี แต่อยากทำ น่าทำ รู้สึกดี ก็ทำไป ที่เล็กเงินมาก ที่ใหญ่ ๆ เงินน้อยแต่มีชื่อเสียง เลือกเอาเหอะ บุคลิกเราก็ไม่ต้องไปปรับไรมาก งานไหน งานนั้น แล้วแต่คนรับ แล้วแต่งาน (แค่ทำตัวให้เหมือนคน ก็พอ อิอิ ทำยากอยู่นะ)
เอ้อ ที่บอก ๆ มา แค่องค์ประกอบเล็กน้อยมาก ๆ ที่อยากให้คำนึงบ้างไปงั้น ๆ ประกอบการตัดสินใจจะเข้าทำงาน ทุกอย่างแล้วแต่เราพอใจ บางที่อาจไม่ดีพร้อม ภาพพจน์ไม่ดี แต่อยากทำ น่าทำ รู้สึกดี ก็ทำไป ที่เล็กเงินมาก ที่ใหญ่ ๆ เงินน้อยแต่มีชื่อเสียง เลือกเอาเหอะ บุคลิกเราก็ไม่ต้องไปปรับไรมาก งานไหน งานนั้น แล้วแต่คนรับ แล้วแต่งาน (แค่ทำตัวให้เหมือนคน ก็พอ อิอิ ทำยากอยู่นะ)
บางคนเตรียมตัวตอบมาแบบเปะ ๆ ๆ เป็นขั้นตอน แต่ไม่ธรรมชาติ ก็ยังดูไม่ดีเท่าตอบแบบซื่อ ๆ นะ เค้ายังอาจเอ็นดูได้มากกว่าอีก เรื่องการสัมภาษณ์มันเป็นเรื่องเฉพาะตัว บุคคลแบบนึง ก็อาจเหมาะกับงานแบบนึง แล้วยังต้องแล้วแต่คนสัมภาษณ์เราว่าพอใจเรามั้ย ถูกชะตาเรามั้ย แล้วตัวเรามีไรดีมากพอตรงความต้องการมั้ย หรือเค้าเปิดโอกาสให้เราเข้าไปทั้งที่เราไม่มีประสบการณ์ด้านนั้น ๆ หรือมีคู่แข่งเยอะมั้ย ไม่ใช่ที่ดีเลิศจะเหมาะกับเรา ที่ห่วยในสายตาคนอื่นแต่เราพอใจก็คือดีที่สุด ส่วนถ้าเค้ารับเข้าไปทำงานแล้ว ก็ตัวใครตัวมันละกัน จบ
No comments:
Post a Comment
Comments are welcome, in English or Thai (I can't read anything else). Anonymous posting is discouraged, unless you'd like to give yourself a name at the bottom of your post, so we can tell who you are.